17 Jan 2021 | 3440 VIEWS |
แอดมินเชื่อว่าในปี 2564 นี้ก็ยังคงถือเป็นปีทองของผู้ที่ต้องการครอบครองอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นเพื่ออยู่อาศัยเองก็ดี หรือว่าจะครอบครองเพื่อลงทุนก็ดี
ปัจจัยที่แอดมองว่าปีนี้ยังคงเป็นปีทองของการครอบครองอสังหาฯก็เพราะว่า
1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูกม๊ากกกกกก จากการลดลงอย่างต่อเนื่องของดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยจากเดิมที่ร้อยละ 3.5 ต่อปีเมื่อปี 2554 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ได้มีการลดระดับลงมาอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของธนาคารต่าง ๆ ได้มีอัตราที่ลดลงเป็นเงาตามตัว และคงบอกได้เลยว่าการที่ดอกเบี้ยจะต่ำลงไปมากกว่านี้นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมากแล้ว
2. การสนับสนุนจากภาครัฐ จากปัญหาเศรษฐกิจที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ ส่งผลให้อัตราการซื้อขายอสังหาฯ นั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด และรายได้จากภาคอสังหาฯ นี้เองก็เป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ส่งผลต่อรายได้ของภาครัฐอย่างมาก รวมไปถึงส่งผลต่อ GDP ของประเทศด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับรายได้ที่หดหายไป ทางรัฐจึงจำเป็นต้องออกนโยบายหลาย ๆ อย่างออกมาเพื่อที่อย่างน้อยแม้รัฐจะได้รายได้ที่ลดน้อยลง ก็ยังคงดีกว่าที่จะไม่ได้รับรายได้ในส่วนนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นการลดอัตราค่าโอน จดจำนอง การลดภาษีที่ดินต่าง ๆ นา ๆ
3. โปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่ออกมาอย่างต่อเนื่องของผู้พัฒนาอสังหาฯ ในช่วงนี้จากหน้าสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตามช่องทางโทรทัศน์ หรือช่องทางออนไลน์เรามักจะเห็นข่าวเกี่ยวกับโปรโมชั่น ลด แลก แจกแถม จากแบรนด์อสังหาฯ ต่าง ๆ กันเป็นว่าเล่น ถือว่าเป็นอีก 1 โอกาสอันดีที่เราจะต้องครอบครองอสังหาฯ กันแล้วแหละครับ
ร่ายยาวมาซะขนาดนี้แล้ว เพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจว่าเอ๊... จะซื้อบ้านดีมั๊ยนะ จะซื้อคอนโดตอนนี้ดีหรือเปล่า ถ้าสิ่งที่ผมได้กล่าวมาข้างต้นช่วยให้เพื่อน ๆ ยังตัดสินใจได้ไม่เด็ดขาดพอ วันนี้ผมมีอีก 1 ปัจจัย ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจกันได้ดีขึ้นมานำเสนอครับ นั่นก็คือ......โครงการสินเชื่อบ้านคนละหลัง จากธนาคาร ธอส นั่นเองครับ
โครงการนี้ดีอย่างไร
จุดเด่นหลัก ๆ ของโครงการนี้เลยคืออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก โดยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกเฉลี่ยจะอยู่ที่ร้อยละ 2.75 ต่อปีเท่านั้นเอง แถมยังสามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 40 ปีอีกด้วย
สามารถขอสินเชื่อเพื่อทำอะไรได้บ้าง
1. เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด
2. เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร
3. เพื่อต่อเติม หรือขยาย หรือซ่อมแซมอาคาร
4. เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคาร หรือ ห้องชุดจากสถาบันการเงินอื่น
5. เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินเปล่าจากสถาบันการเงินอื่นพร้อมปลูกสร้างอาคาร
6. เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคารจากสถาบันการเงินอื่น และปลูกสร้างอาคาร หรือ ต่อเติม หรือขยาย หรือซ่อมแซมอาคาร
หมายเหตุ : นิยามคำว่า “อาคาร” หมายถึง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวเฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์เพื่อที่อยู่อาศัย ยกเว้นบ้านเช่าและแฟลต
จากวัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อดังกล่าวก็สามารถสรุปได้ว่า เงินกู้ก้อนนี้ สามารถใช้เพื่อกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน/คอนโด/หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ เพื่อใช้สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยได้นั่นเองครับ รวมไปถึงยังสามารถใช้เป็นวงเงินเพื่อขอรีไฟแนนซ์ได้อีกด้วย
ใครบ้างที่สามารถขอวงเงินกู้นี้ได้
วงเงิน/ระยะเวลาผ่อนชำระ
วงเงิน
ระยะเวลาผ่อน
อัตราดอกเบี้ย
ปี |
อัตราดอกเบี้ย |
ปีที่ 1 – ปีที่ 2 |
= 2.75% ต่อปี |
ปีที่ 3 |
= MRR -3.40% ต่อปี |
ปีที่ 4 - ปีที่ 5 |
= MRR -2.00% ต่อปี |
ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญา |
|
- กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป |
= MRR - 0.75% ต่อปี |
- กรณีลูกค้ารายย่อยสวัสดิการ |
= MRR – 1.00% ต่อปี |
หมายเหตุ : MRR = 6.15% (ข้อมูลล่าสุดเมื่อ 15/1/2564)
เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปี = 2.75% ต่อปี
ค่าธรรมเนียม
ได้รับสิทธิฟรีค่าธรรมเนียม ดังนี้
1. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ร้อยละ 0.1 ของวงเงินกู้
2. ค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900 - 2,300 บาท)
3. ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (ไม่เกิน 1,000 บาทต่อราย)
ระยะเวลาของโครงการ
กำหนดระยะเวลายื่นคำขอกู้เงินและทำนิติกรรมตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 และสิ้นสุดการทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564
(ทั้งนี้ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการก่อนกำหนด หากธนาคารให้สินเชื่อเต็มวงเงินของโครงการแล้ว)
หากเพื่อน ๆ สนใจข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถตามไปดูได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
MASTERY RESOLUTION COPYRIGHT 2019